สมาคมวิทยากรลูกเสือกาญจนบุรี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1  ตำบลปากแพรก  อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 71000
เบอร์โทรศัพท์ 0898258193
ข้อบังคับสมาคม
ข้อบังคับสมาคม

 ข้อบังคับ

ของ

สมาคมวิทยากรลูกเสือกาญจนบุรี

....................................

หมวดที่ 1

ความทั่วไป

          ข้อ  1  สมาคมนี้มีชื่อว่า  สมาคมวิทยากรลูกเสือกาญจนบุรี มีชื่อย่อภาษาไทยว่า “สล.กจ.” มีชื่อภาษาอังกฤษว่า  “ Kanchanaburi Scout Trainer Association ” มีชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า “ KSTA.

          ข้อ  2  เครื่องหมายของสมาคม มีลักษณะเป็นรูป วงกลม สองวงซ้อนกันในช่องว่างระหว่างวงกลมทั้งสอง  ด้านบนมีข้อความเป็นภาษาไทยว่า  สมาคมวิทยากรลูกเสือกาญจนบุรี  ด้านล่างมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า  Kanchanaburi Scout Trainer Association  ระหว่างข้อความภาษาไทยและภาษาอังกฤษทั้งสองด้านมีสัญลักษณ์เป็นเงื่อน พิรอด  (หมายถึงความสามัคคีกลมเกลียว)  ภายในวงกลมเล็กมีตราคณะลูกเสือแห่งชาติ ตรงกลางเป็นรูปสะพานข้ามแม่น้ำแคว  ด้านล่างเป็นรูปเจดีย์สามองค์  และมีพื้นเป็นสีแสดและสีฟ้า  ซึ่งเป็นสีประจำจังหวัดกาญจนบุรี

ข้อ  3   สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่  ณ  สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี    เขต ถนนแม่น้ำแม่กลอง  ตำบลปากแพรก  อำเภอเมืองกาญจนบุรี   จังหวัดกาญจนบุรี   รหัสไปรษณีย์ 71000  โทรศัพท์  0-3456-4003 ต่อ 531

          ข้อ  4  วัตถุประสงค์ของสมาคม

                   4.1   เพื่อเป็นศูนย์รวมของวิทยากร , ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และบุคลากรทางการ

                          ลูกเสือทุกประเภท 

                   4.2   เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ลูกเสือปฏิบัติตามคำปฏิญาณ  กฎ   อุดมการณ์ของ

                          ลูกเสือและวัตถุประสงค์ของคณะลูกเสือแห่งชาติ

                   4.3   เพื่อพัฒนากิจการลูกเสือ  ของจังหวัดกาญจนบุรี  และเป็นศูนย์ประสานงานกับ

       สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ และสมาคมลูกเสืออื่น  โดยไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการเมืองใด ๆ

                   4.4   เพื่อดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลเพื่อการกุศลและองค์การสาธารณะ

                          ประโยชน์เพื่อสาธารณะประโยชน์             

หมวดที่ 2

สมาชิก

          ข้อ  5  สมาชิกของสมาคมมี  3  ประเภท  คือ

                   5.1  สมาชิกสามัญ  ได้แก่

                   สมาชิกสามัญ  ได้แก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ  ผู้ตรวจการลูกเสือ  กรรมการลูกเสือ 

และเจ้าหน้าที่ลูกเสือของจังหวัดกาญจนบุรี  ที่ผ่านการฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือขั้นความรู้เบื้องต้น  (B.T.C.)  หรือ  ผ่านการฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้านมาแล้ว  และเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นวิทยากรลูกเสือ

5.2   สมาชิกวิสามัญ  ได้แก่  ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ  ผู้ตรวจการลูกเสือ  กรรมการลูกเสือและเจ้าหน้าที่ลูกเสือของจังหวัดกาญจนบุรี

                   5.3  สมาชิกกิตติมศักดิ์  ได้แก่  บุคคลผู้ทรงเกียรติ หรือทรงคุณวุฒิ  หรือผู้มีอุปการคุณแก่

                   สมาคม ซึ่งคณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม

          ข้อ 6  สมาชิกจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ  ดังต่อไปนี้

                   6.1  เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว

                   6.2  เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย

                   6.3  ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ

                   6.4  ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย  หรือไร้ความสามารถหรือ

                   เสมือนไร้ความสามารถ  หรือต้องโทษจำคุก  ยกเว้นความผิดฐานประมาท  หรือลหุโทษการ

                   ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด  ในกรณีดังกล่าวจะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิก

                   หรือในระหว่างที่เป็นสมาชิกของสมาคมเท่านั้น

          ข้อ  7  ค่าลงทะเบียน  และค่าบำรุงสมาคม

                   7.1  สมาชิกสามัญ และวิสามัญ จะต้องเสียค่าลงทะเบียนเป็นครั้งแรก 50     บาท

                   ค่าบำรุงเป็นรายปี ๆ ละ                                                   100     บาท

                   ค่าบำรุงตลอดชีพ                                                           500     บาท

                   7.2  สมาชิกกิตติมศักดิ์  ไม่ต้องเสียค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคม

          ข้อ  8   การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม  ให้ผู้ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม

                   ยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขานุการ โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย 7 คน

และให้เลขานุการติดประกาศรายชื่อผู้สมัครไว้  ณ  สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า  15 วัน  เพื่อให้สมาชิกคนอื่นๆ  ของสมาคมจะได้คัดค้านการสมัครนั้นเมื่อครบกำหนดประกาศแล้วให้เลขานุการนำใบสมัคร  และหนังสือคัดค้านของสมาชิก (ถ้ามี) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติว่ารับหรือไม่รับเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมและเมื่อคณะกรรมการพิจารณาการสมัครแล้ว  ผลเป็นประการใดให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งให้ผู้สมัครทราบโดยเร็ว

 

ข้อ  9   ถ้าคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติให้ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก  ก็ให้ผู้สมัครนั้นชำระค่าลงทะเบียน

และ  ค่าบำรุงสมาคม  ให้เสร็จภายใน  30 วัน  นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากเลขานุการและ

สมาชิกภาพของผู้สมัคร  ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าผู้สมัครไม่ชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงภายในกำหนด   ก็ให้ถือว่าการสมัครเป็นอันยกเลิก

ข้อ  10  สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์  ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่

          คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม  ได้มาถึงยังสมาคม

ข้อ  11  สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

          11.1  ตาย

          11.2  ลาออก  โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ  และคณะกรรมการได้

          พิจารณาอนุมัติ  และสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่กับสมาคมเป็นที่เรียบร้อย

          11.3  ขาดคุณสมบัติสมาชิก

          11.4  ที่ประชุมใหญ่ของสมาคม  หรือคณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้ลบชื่อออกจาก

ทะเบียนเพราะสมาชิกผู้นั้นได้ประพฤตินำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม

          ข้อ  12  สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

                   12.1  มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของสมาคมโดยเท่าเทียมกัน

                   12.2  มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาคมต่อคณะกรรมการ

                   12.3  มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

                   12.4  มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม

                   12.5  สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้ง  ได้รับการเลือกตั้ง  หรือแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการ

สมาคมและมีสิทธิออกเสียงลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมได้คนละ  ๑  คะแนนเสียง

12.6  มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการ  เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม

12.7  มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อยหนึ่งในสามของสมาชิกสามัญทั้งหมดร้องขอต่อ

คณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้

12.8  มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ  และข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด

12.9  มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคม

12.10  มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของสมาคม

12.11  มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

12.11  มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

 

 

 

 

 

หมวดที่ 3

การดำเนินการสมาคม

ข้อ  13  ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคมมีจำนวนอย่างน้อย  10  คน

          อย่างมากไม่เกิน 25  คน  คณะกรรมการนี้ต้องเป็นสมาชิกสามัญที่ได้มาจากการเลือกตั้งของที่

ประชุมใหญ่ของสมาคม  และให้ผู้ที่ได้เลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่  เลือกตั้งกันเองเป็นนายกสมาคม  1 คน  และอุปนายก  หรือ  2  สำหรับตำแหน่งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆ ให้นายกสมาคมเป็นผู้แต่งตั้ง  ผู้ที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่เข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ของสมาคม  ตามที่ได้กำหนดไว้ซึ่งตำแหน่งของกรรมการสมาคมมีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขป   ดังต่อไปนี้

                   13.1  นายกสมาคม       ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคมเป็นผู้แทน

                                                สมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอกและทำหน้าที่เป็นประธานใน

                                                การประชุมคณะกรรมการและการประชุมใหญ่ของสมาคม

13.2  อุปนายก            ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคมปฏิบัติ

                             ตามหน้าที่แทนนายกสมาคม  เมื่อนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถ

                             จะปฏิบัติตามหน้าที่ได้  แต่การทำหน้าที่แทนนายกสมาคมให้อุป -                                   นายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน

13.3  เลขานุการ                   ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมดเป็นหัวหน้า

                             เจ้าหน้าที่ของสมาคมในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาคมในการปฏิบัติ

                             กิจการของสมาคมและปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม  ตลอดจน

                             ทำหน้าที่เป็นเลขานุการ  ในการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม

13.4  เหรัญญิก           มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคมเป็นผู้จัดทำบัญชี  รายรับ

รายจ่าย  บัญชีงบดุลของสมาคมและเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ

                   13.5  ปฏิคม               มีหน้าที่ในการให้การต้อนรับแขกของสมาคมเป็นหัวหน้าในการ

จัดเตรียมสถานที่ของสมาคมและจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่าง ๆ ของสมาคม

                   13.6  นายทะเบียน       มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคมประสานงานกับ

เหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก

                   13.7  ประชาสัมพันธ์     มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิก

                                                และบุคคลโดยทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย

                   13.8  กรรมการตำแหน่งอื่น ๆ     ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้

มีขึ้น  โดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตามข้างต้นแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ถือว่าเป็นกรรมการกลาง

 

ข้อ 14  คณะกรรมการของสมาคมสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ  2  ปี  และเมื่อคณะกรรมการอยู่

ในตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว  แต่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ  ก็ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการไปพลางก่อนจนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ก็ให้ทำการส่งและรับมอบงานระหว่างคณะกรรมการชุดเก่า  และคณะกรรมการชุดเก่า  และคณะกรรมการชุดใหม่ให้เป็นที่เสร็จสิ้น  ภายใน  วัน  นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ

          ข้อ  15  ตำแหน่งกรรมการสมาคม  ถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระก็ให้คณะกรรมการแต่งตั้ง

สมาชิกสามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้นแต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทน อยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับ  วาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น  และถ้าเป็นตำแหน่งนายกสมาคมว่างก็ให้คณะกรรมการเลือกกันเองเป็นนายกสมาคม

          ข้อ  16  กรรมการอาจจะพ้นตำแหน่ง  ซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้  คือ

                   16.1  ตาย

                   16.2  ลาออก

                   16.3  ขาดจากสมาชิกภาพตามข้อบังคับและตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้

                   16.4  ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออกจากตำแหน่ง

                   16.5  เป็นผู้มีความประพฤติและปฏิบัติตนเป็นที่เสื่อมเสียและคณะกรรมการสมาคมมีมติให้

ออก  โดยมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่เสียงของคณะกรรมการสมาคม 

          ข้อ  17  กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อ

เลขานุการและคณะกรรมการมีมติให้ออก

          ข้อ 18  อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการ

                   18.1  มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ  โดยระเบียบปฏิบัตินั้น

                   จะต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับ

                   18.2  มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม

                   18.3  มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา  หรืออนุกรรมการได้  แต่กรรมการที่ปรึกษาหรือ

อนุกรรมการจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง

18.4  มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี  และประชุมใหญ่วิสามัญ

18.5  มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้

18.6  มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคม  เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตลอดจนมีอำนาจอื่นๆ ตามที่บังคับไว้ในกำหนด

18.7  มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด  รวมทั้งการเงินและทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม

18.8  มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ  ตามที่สมาชิกสามัญ  จำนวน  1  ใน  3  ของ

สมาชิกทั้งหมดได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น  ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่ขึ้นภายใน  30  วัน  นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ

                   18.9  มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สินและการดำเนิน

กิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการและสามารถจะให้ส่งสมาชิกได้รับทราบ

18.10  จัดทำบันทึกการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม  เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและจัดส่งให้สมาชิก  ได้รับทราบ

18.11  มีหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนด

          ข้อ 19   คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อยเดือนละ  1  ครั้ง  โดยให้จัดขึ้นภายในวันที่  5  ของ

ทุก ๆ เดือน  ทั้งนี้เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารของสมาคม

          ข้อ 20   การประชุมคณะกรรมการ  จะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการ

ทั้งหมดจึงจะถือว่าครบองค์ประชุมมติของที่ประชุมคณะกรรมการ  ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์  แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

          ข้อ 21  ในการประชุมคณะกรรมการ   ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในที่ประชุม  หรือไม่

สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ให้กรรมการที่เข้าร่วมประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเอง  เพื่อให้กรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

 

 

 

หมวดที่  4

การประชุมใหญ่

 

          ข้อ  22  การประชุมใหญ่ของสมาคมมี  2  ชนิด  คือ

                   22.1   ประชุมใหญ่สามัญ

                   22.2   ประชุมใหญ่วิสามัญ

          ข้อ  23  คณะกรรมการจะต้องจัดให้การประชุมใหญ่สามัญประจำปี  ๆ  ละ  1  ครั้ง  ภายในเดือน

                   มกราคมของทุก ๆ ปี

          ข้อ  24  การประชุมใหญ่วิสามัญ  อาจจะมีขึ้นได้ก็โดยเหตุผลที่คณะกรรมการเห็นควรจัดให้มีขึ้นหรือ

เกิดขึ้นด้วยการเข้าร่วมของสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดหรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยคนหรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในข้อบังคับจะทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการของสมาคมให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญก็ได้  ในหนังสือร้องขอนั้นต้องระบุว่าประสงค์ให้เรียกประชุมนั้นเพื่อการใด

          เมื่อคณะกรรมการของสมาคมได้รับหนังสือร้องขอให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญตาม  วรรคแรก  ให้คณะกรรมการของสมาคมเรียกประชุมใหญ่วิสามัญ  โดยจัดให้มีการประชุมขึ้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ

          ถ้าคณะกรรมการของสมาคมไม่เรียกประชุมภายในระยะเวลาตามวรรคสองสมาชิกที่เป็นผู้ร้องขอให้เรียกประชุมหรือสมาชิกอื่นรวมกันมีจำนวนไม่น้อยกว่าจำนวน  สมาชิกที่กำหนดตามวรรคแรกจะเรียกประชุมเองก็ได้

          ข้อ 25  การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้สมาชิกได้

ทราบและการแจ้งจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร  โดยระบุวัน  เวลาและสถานที่ให้ชัดเจนโดยจะต้องแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน  และประกาศแจ้งกำหนดนัดประชุมไว้    ณ  สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า  7 วัน  ก่อนถึงกำหนดการประชุมใหญ่  หรือลงประชาสัมพันธ์อย่างน้อยสองคราวในเว็ปไซต์ของสมาคมก่อนวัดนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วันก็ได้

          ข้อ 26  การประชุมใหญ่สามัญประจำปี  จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้

                   26.1   แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี

                   26.2   แถลงบัญชีรายรับ  รายจ่ายและบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ

                   26.3   เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อครบกำหนดวาระ

                   26.4  เลือกตั้งผู้สอบบัญชี

                   26.5  ตรวจสอบทะเบียนสมาชิกให้เป็นปัจจุบัน

                   26.6  เรื่องอื่น ๆ ถ้ามี

          ข้อ  27  การประชุมใหญ่สามัญประจำปีหรือการประชุมใหญ่วิสามัญ  ต้อมีสมาชิกสามัญมาประชุมไม่

น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง  จึงจะครบองค์ประชุม  หากถึงกำหนดเวลาการประชุมแล้วสมาชิกยังไม่ครบองค์ประชุม   ถ้าการประชุมใหญ่ครั้งนั้นเป็นการประชุมใหญ่ตามคำเรียกร้องของสมาชิกก็ให้งดการประชุม  แต่ถ้าเป็นกรณีการประชุมใหญ่ที่คณะกรรมการสมาคมเป็นผู้เรียกประชุม  ก็ให้เรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง  โดยจัดให้มีการประชุมใหญ่ขึ้นภายใน  15 วัน  นับตั้งแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก  การประชุมครั้งหลังนี้ไม่บังคับว่าจะต้องครบองค์ประชุม

          ข้อ  28  การลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมใหญ่  ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น  ก็ให้ถือคะแนน

เสียงข้างมากเป็นเกณฑ์แต่ถ้าคะแนนเสียงที่มติมีคะแนนเสียงเท่ากัน  ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

          ข้อ  29  ในการประชุมใหญ่ของสมาคม  ถ้านายกสมาคมหรืออุปนายกสมาคมไม่มาร่วมประชุมหรือไม่

สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่ง  ให้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

 

 

 

 

 

 

 

หมวดที่  5

การเงินและทรัพย์สิน

ข้อ  30  การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ  เงินสดของสมาคม

          ถ้ามีให้นำฝากไว้ในธนาคารกรุงไทยสาขากาญจนบุรี

ข้อ  31  การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม  จะต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทนลงนามร่วมกับเหรัญญิก  หรือเลขานุการ  พร้อมกับประทับตราของสมาคมจึงจะถือว่าใช้ได้

ข้อ  32  ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน    50,000  บาท

(ห้าหมื่นบาท) ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการและคณะกรรมการจะอนุมัติให้จ่ายเงินได้ครั้งละไม่เกิน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) ถ้าจำเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่านี้     ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ของสมาคม

          ข้อ  33  ให้เหรัญญิกมีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมได้ไม่เกิน  100,000  บาท

                   (หนึ่งแสนบาท)  ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้  จะต้องนำฝากธนาคารในบัญชีของสมาคมทันทีที่

                   โอกาสอำนวยให้

          ข้อ  34  เหรัญญิก  จะต้องทำบัญชีรายรับ  รายจ่ายและบัญชีงบดุลให้ถูกต้องตามหลักวิชาการการรับ

                   หรือจ่ายเงินทุกครั้งจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ  ลงลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการ

แทนร่วมกันเหรัญญิก  หรือผู้ทำการแทน  พร้อมกับประทับตราของสมาคมทุกครั้ง

          ข้อ  35  ผู้สอบบัญชี  จะต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม  และจะต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่

                   ได้รับอนุญาต

          ข้อ  36  ผู้สอบบัญชี  ทีอำนาจหน้าที่จะเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการ

และสามารถจะเชิญกรรมการ  หรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับบัญชีและ

ทรัพย์สินของสมาคมได้

          ข้อ 37  คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชี   เมื่อได้รับการร้องขอ

 

 

หมวดที่ 6

การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม

          ข้อ 38   ข้อบังคับของสมาคมจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น  และองค์

ประชุมใหญ่จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด  มติของที่ประชุมใหญ่ในการให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า      2  ใน 3  ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

         

 

ข้อ 39   การเลิกสมาคมจะเลิกได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม  ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุ

ของกฎหมายมติของที่ประชุมใหญ่ที่ให้เลิกสมาคมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน   ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด  และองค์ประชุมใหญ่จะต้องไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด

         ข้อ 40  เมื่อสมาคมต้องเลิก  ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม  ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้ตกเป็นของ  สำนักงานลูกเสือจังหวัดกาญจนบุรี (ผู้รับต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคล  ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลเพื่อการกุศลสาธารณประโยชน์) 

 

 

หมวดที่  7

บทเบ็ดเตล็ด

ข้อ  41  การตีความข้อบังคับของสมาคม  หากเป็นที่สงสัยให้ที่ประชุมใหญ่โดยเสียงข้างมากของที่

          ประชุมชี้ขาด

ข้อ  42  ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยสมาคมให้บังคับ  ในเมื่อ

ข้อบังคับของสมาคมมิได้กำหนดไว้  และหากมีข้อบังคับใดขัดกับประมวลกฎหมายหมายแพ่งและพาณิชย์ก็ให้ถือปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

          ข้อ  43  สมาคมต้องไม่ดำเนินการหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน  หรือเพื่อบุคคลใดนากจากเพื่อ

                   ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคมเอง

 

หมวดที่  8 

บทเฉพาะกาล

          ข้อ  44  ข้อบังคับฉบับนี้นั้น  ให้เริ่มใช้บังคับได้นับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็น

                   นิติบุคคลเป็นต้นไป

          ข้อ  45  เมื่อสมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจากราชการ  ก็ให้ถือว่าผู้เริ่มการทั้งหมด

เป็นสมาชิกสามัญและสมาชิกภาพของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้น  เริ่มตั้งแต่วันจดทะเบียนเป็นต้นไป

 

 

 

 

(ลงชื่อ)...........................................................ผู้จัดทำข้อบังคับ

(นายชัยณรงค์   ชัยมนตรีกุล)

 

 

G2gbet
Adobe Acrobat Document ดาวน์โหลดไฟล์